ประวัติความเป็นมา
คณะมนุษยศาสตร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2524 เป็นคณะลำดับที่ 11 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัยเรื่องการแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2524 กำหนดให้คณะมนุษยศาสตร์เป็นส่วนราชการ 1 ใน 17 ส่วนราชการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ประวัติความเป็นมา
คณะมนุษยศาสตร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2524 เป็นคณะลำดับที่ 11 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามประกาศทบวงมหาวิทยาลัยเรื่องการแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2524 กำหนดให้คณะมนุษยศาสตร์เป็นส่วนราชการ 1 ใน 17 ส่วนราชการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พ.ศ. 2524
คณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนภาควิชาภาษามาจากคณะวิทยาศาสตร์และ อักษรศาสตร์ แล้วมาแยกตามสาขาวิชาการออกเป็น 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาภาษา ภาควิชาภาษาศาสตร์ และภาควิชาวรรณคดี นอกจากนี้ ยังได้รับโอนภาควิชาปรัชญาและศาสนามาจากคณะสังคมศาสตร์อีก 1 ภาควิชา และจัดตั้งภาควิชาใหม่ 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาบรรณารักษ ศาสตร์ ภาควิชาศิลปาชีพ และภาควิชาศิลปนิเทศ รวมมีภาควิชาเมื่อแรก ก่อตั้งจำนวน 7 ภาควิชา
พ.ศ. 2536
จัดตั้งศูนย์ภาษาเป็นหน่วยงานภายใน เพื่อให้บริการอบรมภาษาต่างประเทศแก่บุคคลทั่วไป
พ.ศ. 2537
แยกภาควิชาภาษาออกเป็น 2 ภาควิชา คือ ภาควิชาภาษาต่างประเทศ และภาควิชาภาษาไทย ทำให้มีภาควิชาเพิ่มขึ้นเป็น 8 ภาควิชา
พ.ศ. 2549
จัดตั้งสถาบันขงจื๊อ ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมด้านการสอนและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องกับภาษาและวัฒนธรรมจีน รวมทั้งเป็นศูนย์ทดสอบภาษาจีนมาตรฐานที่เรียกว่า “HSK” (Hanyu Shuiping Kaoshi)
พ.ศ. 2549
สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อนุมัติจัดตั้งศูนย์จัดการศึกษาโครงการพิเศษ คณะมนุษยศาสตร์ เพื่อทำหน้าที่ประสานการบริการโครงการจัดการศึกษาภาคพิเศษของคณะมนุษยศาสตร์ ทั้งในส่วนงานด้านธุรการและประสานด้านการบริการวิชาการของหลักสูตรระดับ ปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาภาคพิเศษในทุกสาขาของคณะ
พ.ศ. 2552
รวมภาควิชาบรรณารักษศาสตร์กับสาขาวิชาสื่อสารมวลชน ภาควิชาศิลปนิเทศแล้วจัดตั้งเป็นภาควิชาใหม่คือ “ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์” และปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสาขาดนตรี ภาควิชาศิลปนิเทศ จัดตั้งเป็น “ภาควิชาดนตรี” จำนวนรวมของภาควิชายังคงเป็น 8 ภาควิชาเช่นเดิม
พ.ศ. 2553
คณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนสถาบันภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ามารวมเป็นหน่วยงานสนับสนุนของคณะเพิ่มเป็น 5 หน่วยงาน
พ.ศ. 2555
แยกสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น และสาขาวิชาภาษาจีน ออกจากภาควิชาภาษาต่างประเทศ และจัดตั้งเป็น “ภาควิชาภาษาตะวันออก” ซึ่งนอกจากจะมีการเรียนการสอนวิชาเอกภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน ยังมีวิชาเลือกภาษาเกาหลี และภาษาอาเซียน ได้แก่ ภาษาเวียดนาม ภาษามาเลย์ และภาษาพม่า เพื่อการเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมภาควิชาทั้งหมดจำนวน 9 ภาควิชา
รายนามคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ (อดีตถึงปัจจุบัน)
-
1. ดร.กัญจนา
สินธวานนท์
(พ.ศ.2524-พ.ศ.2527)
-
2. อาจารย์สิงห์ทอง
พรนิคม
(พ.ศ.2527-พ.ศ.2535)
-
3. รศ.ศิริลักษณ์
ลิ้มภักดี
(พ.ศ.2535-พ.ศ.2539)
-
4. รศ.กมลา
นาคะศิริ
(พ.ศ.2539-พ.ศ.2543)
-
5. รศ.ปรียา
อุนรัตน์
(พ.ศ.2543-พ.ศ.2548)
-
6. ผศ.ดร.นงนุช
ศรีอัษฎาพร
(พ.ศ.2548-พ.ศ.2552)
-
7. รศ.ดร.วิไลศักดิ์
กิ่งคำ
(พ.ศ.2552-พ.ศ.2556)
-
8. ผศ.ดร.พุทธชาติ
โปธิบาล
(พ.ศ.2556-พ.ศ.2560)
-
9. ดร.ดำรงค์
ศรีพระราม
(ก.พ.2560-ก.ย.2560)
-
10. รศ.ดร.กิติมา
อินทรัมพรรย์
(พ.ศ.2560-2565)
-
11. ผศ.ดร.ธงรบ รื่นบรรเทิง (พ.ศ.2565-ปัจจุบัน)
การแบ่งส่วนราชการ
คณะมนุษยศาสตร์ได้ปรับแนวคิดจากการศึกษาที่ เสร็จสมบูรณ์ในตัวเองมาเป็นการ ศึกษาที่เป็นเครื่องมือที่เอื้อต่อการนำไปประกอบอาชีพ (Career Education) แต่ยังคงธำรงเนื้อหาวิชา การสาขามนุษยศาสตร์ไว้ด้วย ดังนั้น รูปแบบของการจัดการศึกษาของคณะมนุษยศาสตร์ในปัจจุบันจึงมี 2 รูปแบบ คือ แบบเน้นความลึกซึ้งทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์ และแบบเน้นวิชา ชีพโดยผสมผสานกับวิชาการเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ได้ปรับโครง สร้างหน่วยงานในสังกัดเพื่อความก้าวหน้าในเชิงวิชาการ และเพิ่มประสิทธิภาพ ทางการบริหารมาโดยตลอด ในปัจจุบันคณะมนุษยศาสตร์มีหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
- ภาควิชาดนตรี
- ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
- ภาควิชาปรัชญาและศาสนา
- ภาควิชาภาษาตะวันออก
- ภาควิชาภาษาต่างประเทศ
- ภาควิชาภาษาไทย
- ภาควิชาภาษาศาสตร์
- ภาควิชาวรรณคดี
- ภาควิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ(ภาควิชาศิลปาชีพเดิม)
- ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต (LifeLongLearning)
- ศูนย์ภาษา
- ศูนย์ทดสอบทางภาษา
- สถาบันขงจื๊อ
- สถาบันภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์
- สำนักงานเลขานุการคณะมนุษยศาสตร์
นอกจากการพัฒนาโครงสร้างในระดับคณะแล้ว ยังมีการปรับโครงสร้างการบริหารงานในส่วนของสำนักงานเลขานุการคณะ มนุษยศาสตร์ เพื่อรองรับภารกิจสำคัญและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในฐานะหน่วย งานสนับสนุนเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการของคณะอีกด้วย ปัจจุบัน สำนักงานเลขานุการคณะมนุษยศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ส่วนราชการ คือ งานบริหารและธุรการ งานคลังและพัสดุ งานบริหารการศึกษา งานแผนและประกันคุณภาพ และ งานทรัพยากรกายภาพ
ข้อมูลอาคารเรียน
-
อาคารมนุษยศาสตร์ 1 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2531 และทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์เพื่อ เป็นสิริมงคลแก่คณะมนุษยศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2534
-
อาคารมนุษยศาสตร์ 2 และ 3 : ได้รับโอนอาคารเรียนจากคณะประมง แล้วได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ซ่อมแซมและตกแต่ง เริ่มใช้อาคารเมื่อปี พ.ศ. 2551 และ 2552 ตามลำดับ
-
อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลป์ : พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมันกโร) เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ และพระราชครูวามเทพมุนี เป็นประธานในพิธีพราหมณ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานนามอาคารว่า “จุฬาภรณ์พิศาลศิลป์” และพระราชทานพระอนุญาตอันเชิญอักษรพระนามย่อ “จ.ภ.” มาประดิษฐานคู่กับนามอาคาร ทั้งยังเสด็จมาทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2554 และเริ่มใช้อาคารในปี พ.ศ. 2555

พ.ศ.2524
คณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนภาควิชาภาษามาจากคณะวิทยาศาสตร์และ อักษรศาสตร์ แล้วมาแยกตามสาขาวิชาการออกเป็น 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาภาษา ภาควิชาภาษาศาสตร์ และภาควิชาวรรณคดี นอกจากนี้ ยังได้รับโอนภาควิชาปรัชญาและศาสนามาจากคณะสังคมศาสตร์อีก 1 ภาควิชา และจัดตั้งภาควิชาใหม่ 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาบรรณารักษ ศาสตร์ ภาควิชาศิลปาชีพ และภาควิชาศิลปนิเทศ รวมมีภาควิชาเมื่อแรก ก่อตั้งจำนวน 7 ภาควิชา
พ.ศ.2536
จัดตั้งศูนย์ภาษาเป็นหน่วยงานภายใน เพื่อให้บริการอบรมภาษาต่างประเทศแก่บุคคลทั่วไป
พ.ศ.2537
แยกภาควิชาภาษาออกเป็น 2 ภาควิชา คือ ภาควิชาภาษาต่างประเทศ และภาควิชาภาษาไทย ทำให้มีภาควิชาเพิ่มขึ้นเป็น 8 ภาควิชา
พ.ศ.2549
จัดตั้งสถาบันขงจื๊อ ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมด้านการสอนและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องกับภาษาและวัฒนธรรมจีน รวมทั้งเป็นศูนย์ทดสอบภาษาจีนมาตรฐานที่เรียกว่า “HSK” (Hanyu Shuiping Kaoshi)
พ.ศ.2549
สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อนุมัติจัดตั้งศูนย์จัดการศึกษาโครงการพิเศษ คณะมนุษยศาสตร์ เพื่อทำหน้าที่ประสานการบริการโครงการจัดการศึกษาภาคพิเศษของคณะมนุษยศาสตร์ ทั้งในส่วนงานด้านธุรการและประสานด้านการบริการวิชาการของหลักสูตรระดับ ปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาภาคพิเศษในทุกสาขาของคณะ
พ.ศ.2552
รวมภาควิชาบรรณารักษศาสตร์กับสาขาวิชาสื่อสารมวลชน ภาควิชาศิลปนิเทศแล้วจัดตั้งเป็นภาควิชาใหม่คือ “ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์” และปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสาขาดนตรี ภาควิชาศิลปนิเทศ จัดตั้งเป็น “ภาควิชาดนตรี” จำนวนรวมของภาควิชายังคงเป็น 8 ภาควิชาเช่นเดิม
พ.ศ.2553
คณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนสถาบันภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ามารวมเป็นหน่วยงานสนับสนุนของคณะเพิ่มเป็น 5 หน่วยงาน
พ.ศ.2555
แยกสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น และสาขาวิชาภาษาจีน ออกจากภาควิชาภาษาต่างประเทศ และจัดตั้งเป็น “ภาควิชาภาษาตะวันออก” ซึ่งนอกจากจะมีการเรียนการสอนวิชาเอกภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน ยังมีวิชาเลือกภาษาเกาหลี และภาษาอาเซียน ได้แก่ ภาษาเวียดนาม ภาษามาเลย์ และภาษาพม่า เพื่อการเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมภาควิชาทั้งหมดจำนวน 9 ภาควิชา
รายนามคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ (อดีตถึงปัจจุบัน)
-
1.ดร.กัญจนา
สินธวานนท์
(พ.ศ.2524-พ.ศ.2527)
-
2.อาจารย์สิงห์ทอง
พรนิคม
(พ.ศ.2527-พ.ศ.2535)
-
3.รศ.ศิริลักษณ์
ลิ้มภักดี
(พ.ศ.2535-พ.ศ.2539)
-
4.รศ.กมลา
นาคะศิริ
(พ.ศ.2539-พ.ศ.2543)
-
5.รศ.ปรียา
อุนรัตน์
(พ.ศ.2543-พ.ศ.2548)
-
6.ผศ.ดร.นงนุช
ศรีอัษฎาพร
(พ.ศ.2548-พ.ศ.2552)
-
7.รศ.ดร.วิไลศักดิ์
กิ่งคำ
(พ.ศ.2552-พ.ศ.2556)
-
8.ผศ.ดร.พุทธชาติ
โปธิบาล
(พ.ศ.2556-พ.ศ.2560)
-
9.ดร.ดำรงค์
ศรีพระราม
(ก.พ.2560-ก.ย.2560)
-
10.รศ.ดร.กิติมา
อินทรัมพรรย์
(พ.ศ.2560-2565)
-
11.ผศ.ดร.ธงรบ
รื่นบรรเทิง
(พ.ศ.2565-ปัจจุบัน)
การแบ่งส่วนราชการ
คณะมนุษยศาสตร์ได้ปรับแนวคิดจากการศึกษาที่ เสร็จสมบูรณ์ในตัวเองมาเป็นการ ศึกษาที่เป็นเครื่องมือที่เอื้อต่อการนำไปประกอบอาชีพ (Career Education) แต่ยังคงธำรงเนื้อหาวิชา การสาขามนุษยศาสตร์ไว้ด้วย ดังนั้น รูปแบบของการจัดการศึกษาของคณะมนุษยศาสตร์ในปัจจุบันจึงมี 2 รูปแบบ คือ แบบเน้นความลึกซึ้งทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์ และแบบเน้นวิชา ชีพโดยผสมผสานกับวิชาการเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ได้ปรับโครง สร้างหน่วยงานในสังกัดเพื่อความก้าวหน้าในเชิงวิชาการ และเพิ่มประสิทธิภาพ ทางการบริหารมาโดยตลอด ในปัจจุบันคณะมนุษยศาสตร์มีหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
- ภาควิชาดนตรี
- ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
- ภาควิชาปรัชญาและศาสนา
- ภาควิชาภาษาตะวันออก
- ภาควิชาภาษาต่างประเทศ
- ภาควิชาภาษาไทย
- ภาควิชาภาษาศาสตร์
- ภาควิชาวรรณคดี
- ภาควิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ(ภาควิชาศิลปาชีพเดิม)
- ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต (LifeLongLearning)
- ศูนย์ภาษา
- ศูนย์ทดสอบทางภาษา
- สถาบันขงจื๊อ
- สถาบันภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์
- สำนักงานเลขานุการคณะมนุษยศาสตร์
นอกจากการพัฒนาโครงสร้างในระดับคณะแล้ว ยังมีการปรับโครงสร้างการบริหารงานในส่วนของสำนักงานเลขานุการคณะ มนุษยศาสตร์ เพื่อรองรับภารกิจสำคัญและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในฐานะหน่วย งานสนับสนุนเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการของคณะอีกด้วย ปัจจุบัน สำนักงานเลขานุการคณะมนุษยศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ส่วนราชการ คือ งานบริหารและธุรการ งานคลังและพัสดุ งานบริหารการศึกษา งานแผนและประกันคุณภาพ และ งานทรัพยากรกายภาพ
ข้อมูลอาคารเรียน
-
อาคารมนุษยศาสตร์ 1 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2531 และทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์เพื่อ เป็นสิริมงคลแก่คณะมนุษยศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2534
-
อาคารมนุษยศาสตร์ 2 และ 3 : ได้รับโอนอาคารเรียนจากคณะประมง แล้วได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ซ่อมแซมและตกแต่ง เริ่มใช้อาคารเมื่อปี พ.ศ. 2551 และ 2552 ตามลำดับ
-
อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลป์ (อาคารมนุษยศาสตร์ 4) : พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมันกโร) เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ และพระราชครูวามเทพมุนี เป็นประธานในพิธีพราหมณ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานนามอาคารว่า “จุฬาภรณ์พิศาลศิลป์” และพระราชทานพระอนุญาตอันเชิญอักษรพระนามย่อ “จ.ภ.” มาประดิษฐานคู่กับนามอาคาร ทั้งยังเสด็จมาทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2554 และเริ่มใช้อาคารในปี พ.ศ. 2555